รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
แล้วผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ของวิญญาณที่สูญหายนับล้าน ผมได้ยินพวกเขาตะโกน และร้องไห้ต่อพระเจ้า และผมรู้ว่า มันสายเกินไปแล้ว มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แล้วผมได้ยินพระเจ้าตรัสกับผม พระเจ้าตรัสว่า “นี่คือความสมบูรณ์ของต้นไม้ แห่งความรู้เรื่องดีและชั่ว นี่คือสิ่งที่อาดัมเลือก ในสวนเอเดน แทนที่จะรวมเป็นหนึ่งกับฉัน”
ฮาเลลูยา ฮาเลลูยา! สรรเสริญพระเจ้า!ดร.มอริส สคลาร์ เป็นรัฐมนตรีชาวยิวเมสสิยาห์ และนักไวโอลินคอนเสิร์ตระดับโลก จากสหรัฐอเมริกา ชาวยิวที่นับถือพระเมสสิยาห์ เชื่อว่าเยชัว หรือพระเยซูคริสต์ (มังสวิรัติ) เป็นพระบุตรของพระเจ้าและเป็น พระเมสสิยาห์ของชาวยิวที่แท้จริง ผู้จะเสด็จกลับมาในยุคสุดท้าย เพื่อนำยุคใหม่เข้ามา ยุคใหม่แห่งสันติภาพ และการฟื้นฟูสากล เรียกว่า "ยุคพระเมสสิยาห์" หรือ "โลกที่จะมาถึง"ผ่านทางบาทหลวงสคลาร์ ที่ดำเนินการทั้งแบบตัวต่อตัว หรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ดร.สคลาร์ ใช้พรสวรรค์ทางดนตรี อันโดดเด่นของเขาเพื่อนำการรักษา และการปลอบโยนมาสู่ผู้คน และ สร้างแรงดลใจให้พวกเขาแสวงหา ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าในวัยหนุ่ม มอริซได้รับการยกย่องว่า เป็นอัจฉริยะด้านไวโอลิน และได้เข้าเรียนในสถาบันดนตรี ที่มีชื่อเสียงที่สุดสองแห่ง ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แก่ โรงเรียนดนตรีจูเลียร์ด ในนิวยอร์ก และสถาบันดนตรีเคอร์ติส ในฟิลาเดลเฟียเมื่ออายุได้ 20 ต้น ๆ เขาได้รับรางวัลมากมาย และได้รับการยกย่อง ให้เป็นหนึ่งในสิบศิลปินหนุ่มแห่งปี ในปี 1990 โดย มิวสิกอเมริกา เส้นทางของเขาดูราบรื่น สดใส และน่าพอใจ พร้อมด้วยอาชีพ ที่มีแนวโน้มดีรออยู่ข้างหน้าอย่างไรก็ตาม ภายในใจของเขา เขาต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า อย่างรุนแรง ความเหงา และความว่างเปล่าทางจิตวิญญาณ ในปี 1986 ความเจ็บปวด ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนเขาต้องไปที่ สะพานจอร์จ วอชิงตันในนิวยอร์กซิตี้ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม เพื่อพยายามฆ่าตัวตาย เขาเล่าถึงประสบการณ์นี้ ระหว่างการสัมภาษณ์ออกอากาศผมเดินขึ้นไปบนสะพาน และเพิ่งมาถึง จุดเริ่มต้นของการไต่เขา จริง ๆ แล้ว ก็มีเทวดามายืนบนเท้าของผม ผมมิอาจก้าวไปข้างหน้าต่อไปอีกแล้ว และทุก ๆ วัน ผมก็จะก้าวไปไกลขึ้นอีกนิด และสิ่งเดิมก็เกิดขึ้น และในที่สุดวันสุดท้าย ผมก็ขึ้นไปถึงยอดได้สำเร็จ และผมก็ เอาขาพาดไปข้างสะพาน แล้วก็มีลมพัดมา เป็นลมกระโชกแรงมาก ผมถูกพัดกลับไป และล้มลงที่ข้างทางเท้า และรถก็แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น เทวดาก็มาประทับนั่งทับผม ผมเห็นท่านและรู้สึกถึงท่าน แต่ผมก็แค่ร้องไห้เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยน ในชีวิตของมอริซ ต่อมา เขาเริ่มแสวงหาความเชื่อมโยง ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระเจ้า คืนหนึ่ง ขณะที่มอริซกำลังเดินทาง กลับบ้านจากคอนเสิร์ตโอเปร่า พระเจ้าทรงเยี่ยมเยียนมอริซจู่ ๆ ก็มีเมฆมาปกคลุมรถของผม ผมเริ่มร้องไห้และร้องไห้ ร้องไห้และร้องไห้ และผมได้ยินพระเจ้าตรัสว่า "ลูกเอ๋ย เจ้าสามารถสร้างความบันเทิงให้ผู้คน ได้ในตอนเย็น และนั่นก็โอเค แต่ถ้าเจ้าจะไปปฏิบัติศาสนกิจ และทำการแสดงเพื่อเรา เราจะทำมากกว่าแค่สร้าง ความบันเทิงให้ผู้คนในคืนเดียว เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตลอดไป เจ้าต้องการแบบไหน?”มอริซ สคลาร์ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว เขาได้เป็นบาทหลวงในปี 1991 และทำหน้าที่ เป็นเครื่องมือของพระเจ้า โดยทำการแสดงและเทศนา ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป เอเชีย และอิสราเอล ผู้ที่ฟังเพลงของเขาหลายคน ต่างสัมผัสได้ถึงการบำบัด และกำลังใจในระดับหนึ่ง ในปี 1997 เขาได้รับปริญญา ดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาศาสนศาสตร์ จาก เซมินารีพระวจนะแห่งสัจธรรม ในเมืองฮันต์สวิลล์ รัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกาตลอดชีวิตของเขา ดร.สคลาร์ได้ประสบกับความฝัน และนิมิตอันเป็นคำทำนายจากพระเจ้า ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ ยุคสุดท้าย และความรุ่งโรจน์ของสวรรค์ในช่วงต้นปี 1895 ขณะที่ เขาเข้าร่วมการชุมนุมทางศาสนา ในเมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส พระเจ้าทรงพาเขาไปยังอวกาศ และทรงเห็นนิมิตของเว็บ ที่จะปกคลุมโลก ในไม่ช้านี้ผมออกไปในอวกาศ และเห็นดาวเคราะห์สีฟ้าที่สวยงาม มันสุดยอดมาก มันช่างงดงามเหลือเกิน เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า โลก เราปกคลุมโลกเช่นเดียวกับน้ำ ที่ปกคลุมท้องทะเล ช่างงดงามมาก และผมก็รู้สึกทึ่งมาก แล้วผมก็ได้ยินพระเจ้าตรัสว่า “จงดูเถิด” และขณะที่ผมดู ผมก็เริ่ม เห็นแสงนีออนรูปหกเหลี่ยมเล็ก ๆ เริ่มก่อตัวขึ้น ครั้งแรกเหนือยุโรป จากนั้นก็มาถึง ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา จากนั้นก็ผ่านอเมริกาไป แล้วมันก็ ปกคลุมโลกอย่างรวดเร็ว และเมื่อสิ่งนี้เสร็จสมบูรณ์ ก็มีลักษณะเหมือนโดมทรงเรขาคณิต แต่พระเจ้าตรัสกับผมว่า "จะมีเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ มาปกคลุมโลก และใยนี้จะเชื่อมโยงทุกคนทั่วโลก เข้าด้วยกัน และในช่วงเวลาหนึ่ง มันจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่วิเศษ เป็นพร มันจะนำมาซึ่ง ความเจริญรุ่งเรืองอย่างมหาศาล มันจะนำมาซึ่งความสามัคคี มันจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดีมาก" แล้วพระองค์ตรัสว่า “จงระวัง” ผมจึงสังเกตดู และเริ่มเห็นควันสีเขียว ๆ คล้ายสีน้ำกร่อย หรือเหมือนสีน้ำบ่อ ควัน และมันก็เริ่ม ลอยขึ้นมาเติมเต็ม รูปหกเหลี่ยมเล็ก ๆ เหล่านี้แล้วจู่ ๆ โลกทั้งใบ ก็ดูเหมือนก้นบ่อ จนมองไม่เห็นโลก อีกต่อไป มันเป็นเพียงสีน้ำกร่อย แล้วผมก็ได้ยินพระเจ้าตรัสอีกครั้งว่า “จงเฝ้าระวัง” ขณะที่ผมดูอยู่นั้น ผมก็เห็นสิ่งเดียวกันนั้น เรียงกันเหมือนเดิม ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นสีดำ ดำ ดำ จนในที่สุด ทั้งโลกก็ตกอยู่ในความมืดมิด แต่ไม่ใช่เพียงความมืดเท่านั้น มันเป็นความมืดมิดที่ลึกมาก ผมหมายถึงมันดำมาก จนดูสว่างไสว มันเป็นความมืดมิดทางจิตวิญญาณ และผมก็รู้สึก ไม่สบายท้องแล้วผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ของวิญญาณที่สูญหายนับล้าน ผมได้ยินพวกเขาตะโกน และร้องไห้ต่อพระเจ้า และผมรู้ว่า มันสายเกินไปแล้ว มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แล้วผมได้ยินพระเจ้าตรัสกับผม พระเจ้าตรัสว่า “นี่คือความสมบูรณ์ของต้นไม้ แห่งความรู้เรื่องดีและชั่ว นี่คือสิ่งที่อาดัมเลือก ในสวนเอเดน แทนที่จะรวมเป็นหนึ่งกับฉัน”ในปี 1993 ซึ่งเป็นเวลาแปดปี หลังจากที่ดร.มอริส สคลาร์ ได้รับนิมิตนี้ สภายุโรปเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ (เซิร์น) หรือองค์กร วิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป ได้เปิดตัว เวิลด์ไวด์เว็บ ให้เป็นสาธารณสมบัติสิ่งนี้ทำให้อินเทอร์เน็ต สามารถเข้าถึงได้โดยคนทั่วไป ปฏิวัติวิธี ที่มนุษย์สื่อสาร เข้าถึงความรู้ และเชื่อมต่อกับโลกโดยสมบูรณ์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เว็บไซต์แรก ๆ ได้เปิดให้บริการออนไลน์ นับเป็นจุดเริ่มต้น ของความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ประการหนึ่งของศตวรรษที่แล้ว นั่นก็คือ เวิลด์ไวด์เว็บ เวิลด์ไวด์เว็บคือแอปพลิเคชัน ที่ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต “เว็บ” เปลี่ยนอินเทอร์เน็ต ให้กลายเป็นเครือข่าย ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ลองจินตนาการถึงโลก ที่ทุกคำที่เคยเขียน ทุกภาพวาดที่เคยวาด และทุกภาพยนตร์ที่เคยถ่ายทำ สามารถดูได้ทันที ในบ้านของคุณ ผ่านทางซูเปอร์ไฮเวย์ข้อมูล ซึ่งเป็นเครือข่ายการสื่อสารดิจิทัล ที่มีความจุสูง ฟังดูยิ่งใหญ่มาก แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ การสื่อสารของคอมพิวเตอร์ และในความเป็นจริง สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้น บนสิ่งที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ต ซึ่งใครก็ตามในโลก ที่มีคอมพิวเตอร์และโมเด็ม เพื่อเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ ก็สามารถสมัครใช้งานได้การใช้เวิลด์ไวด์เว็บแพร่กระจาย อย่างรวดเร็วไปทั่วโลก โดยมีผู้ใช้ทั่วโลกพุ่งสูง จาก 15 ล้านคนในปี 1993 มาเป็น 361 ล้านคนในปี 2000 และ มากกว่าสองพันล้านคนในปี 2010 ปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าว เพิ่มขึ้นเป็น 5.65 พันล้านคนตามที่ดร.มอริส สคลาร์ มองเห็น เวิลด์ไวด์เว็บในยุคแรก เชื่อมโยงพลเมืองโลกผ่านทาง เวทีสนทนาออนไลน์ ห้องสนทนา แอปพลิเคชันส่งข้อความ ชุมชนดิจิทัล ฯลฯ จึงสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “เว็บ” ยังนำมาซึ่ง ความเจริญรุ่งเรืองมหาศาล โดยการสร้างเส้นทางใหม่ทั้งหมด สำหรับนวัตกรรมทางธุรกิจ และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มขึ้นของสมาร์ตโฟน สื่อสังคม เกมวิดีโอ และแท็บเล็ตต่าง ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติกับ "เว็บ" และเทคโนโลยีโดยทั่วไป ก็ได้ก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดความกังวล ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า เรากำลังกลายเป็นตัวประกัน ของสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองหรือไม่มนุษย์ในปัจจุบัน ใช้เวลาเป็นจำนวนมาก ในการดูโทรศัพท์ ในประเทศเยอรมนี ผู้คนใช้เวลาเฉลี่ย 3.35 ชั่วโมงต่อวัน กับสมาร์ตโฟน ในอเมริกาคือ 4.34 ชั่วโมง ในอินเดีย 4.77 (ชั่วโมง) และในอินโดนีเซีย ผู้คนใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์ มากกว่าหกชั่วโมงต่อวัน เราใช้เวลากับโทรศัพท์ มากเกินไป จนนักวิจัยหลายคนในปัจจุบัน เริ่มกังวลว่า การใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อเราอย่างไรเป็นภาพที่คุ้นเคย ในครัวเรือนทั่วโลก: เด็ก ๆ ได้รับความบันเทิง และผ่อนคลายด้วยเทคโนโลยี แต่เรื่องนี้ก็คุ้นเคยกันดี นั่นคือการล่มสลายครั้งใหญ่ เมื่ออุปกรณ์ถูกนำออกไป ปฏิกิริยาของพวกเขานั้นแท้จริงแล้ว เป็นอาการของความท้าทายทาง การแพทย์ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ในยุคของเรา สิ่งที่เรียกว่า อาการติดอินเทอร์เน็ตคำเตือนใหม่ในคืนนี้เกี่ยวกับ อาการทางจิตที่เกิดจาก แชตจีพีที: ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อาการดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ติดแชตบอต พวกเขาคิดว่า มันเป็นความสัมพันธ์ที่แท้จริง และ สูญเสียความสัมพันธ์กับความเป็นจริงเด็กชายวัย 14 ปีในฟลอริดา ฆ่าตัวตายอย่างน่าเศร้า หลังจากมีรายงานว่า ตกหลุมรักแชตบอต เอไอ ในเบลเยียม ชายคนหนึ่ง จบชีวิตของตนเองลง หลังจากมีแชตบอตยุยง ให้เขาเสียสละตัวเองเพื่อต่อสู้กับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนอกจากนี้ เนื้อหาที่เป็นอันตราย และไม่เหมาะสม ยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายบนเว็บ ดึงดูดผู้คนให้ห่างจากพระเจ้า และคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ ของนักบุญและปราชญ์ฯลฯ...ในปี 2025 เราจะได้เห็นปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) กลายเป็นกระแสหลัก และจะถูกผนวกเข้าในทุกแง่มุม ของชีวิตประจำวันของเรา เทคโนโลยีอันทรงพลังนี้ หากถูกใช้ในทางที่ผิด หรือบริหารจัดการไม่ดี อาจส่งผลร้ายแรงต่อมนุษยชาติและคำเตือนจาก ซีอีโอของ เทสล่ามอเตอร์ส อีลอน มัสก์ มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรถยนต์เลย ในทางกลับกัน มัสก์กลับเตือน เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเขามองว่า อันตรายยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ผมค่อนข้างใกล้ชิดกับ ความก้าวหน้าทางเอไอ มาก มันมีความสามารถมากกว่า ที่ใคร ๆ จะรู้ได้ และอัตราการปรับปรุง ก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ผมคิดว่าอันตรายจาก เอไอ นั้น มีมากกว่า อันตรายจากหัวรบนิวเคลียร์มาก ด้วยปัญญาประดิษฐ์ เราจึงสามารถเรียกปีศาจออกมาได้การใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด อาจส่งผลถึง ความล่มสลายของมนุษยชาติได้ นี่อาจเป็นสาเหตุของ "ความมืดมนทางจิตวิญญาณ" ที่พระเจ้าทรงแสดง ให้ ดร.มอริซ สคลาร์ เห็น เมื่อประมาณสี่ทศวรรษก่อนหรือไม่?ในอนาคต มนุษยชาติจะตกอยู่ใน ความมืดมนทางจิตวิญญาณตลอดไป หรือจะใส่ใจสัญญาณเตือนตอนนี้ และเลือกเส้นทางอื่น? ผู้อาวุโสที่ชาญฉลาด ของชนเผ่า อนิชินาเบ ได้ทำนายไว้ ถึงเวลาของไฟครั้งที่ 7 เมื่อสังคมสมัยใหม่ ที่นำโดย "เผ่าพันธุ์ผิวขาว" จะตัดสินใจเลือกครั้งสำคัญ ที่จะกำหนด ชะตากรรมของโลก"ตอนนี้เอง ที่เผ่าผิวขาว จะได้รับ ทางเลือกสองทาง หากพวกเขาเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ไฟที่เจ็ดก็จะจุดไฟที่แปด และไฟสุดท้ายให้สว่างขึ้น - ซึ่งเป็นไฟแห่งสันติภาพ ความรัก ความเป็นพี่น้องชั่วนิรันดร์ หากเผ่าพันธุ์ผิวขาว เลือกเส้นทางที่ผิด การทำลายล้าง ที่พวกเขาได้นำมาสู่ประเทศนี้ จะย้อนกลับมาหาพวกเขา และก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน และความตายมากมาย แก่ผู้คนบนโลกทั้งมวล”ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน) ผู้ล้ำค่าที่สุดของพวกเรา ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับหัวข้อการพัฒนาเทคโนโลยี และความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณเมื่อเรา พัฒนาเทคโนโลยี ไปถึงระดับหนึ่งแล้ว และเรา ไม่ได้สร้างสมดุลกับ การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ เมื่อนั้นเราจะไม่รู้ว่า จะจัดการกับความก้าวหน้านั้นอย่างไร แล้วเราจะต้อง รับผลจากความรู้ ด้านเทคโนโลยี ที่ไม่สมบูรณ์ของเรา [...]เราต้องสร้างสมดุลให้มากขึ้น ด้วยความเข้าใจ ในเรื่องจิตวิญญาณ ด้วยความสูงส่งและ มาตรฐานทางศีลธรรมอันยอดเยี่ยม แล้วเราจะไม่เกิด ความหายนะบนโลกอีกต่อไป เราจะมีแต่ความสุข ความเจริญ และ แม้กระทั่งชีวิตที่มีความสะดวกสบาย ทางด้านเทคโนโลยี ดังนั้น สิ่งที่เราทำตอนนี้ คือหันไปสู่ความสูงส่ง หันไปสู่ความเมตตา และความรัก เช่น เป็นวีแกน ทำสิ่งดี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้ว่าเรา แค่เป็นวีแกน ก็จะรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยแท้จริงแล้ว เทคโนโลยี เป็นเครื่องมืออันทรงพลัง ที่สามารถขยายความดี หรือความชั่ว ที่มนุษย์แสดงออกมาบนโลกได้ เราสามารถตกอยู่ใน "ความมืดมิด ทางจิตวิญญาณ" ได้อย่างรวดเร็ว โดยการจมดิ่งลงในเครือข่ายเชิงลบ ของข้อมูลที่ผิดพลาดและ ความเป็นจริงเสมือนปลอม หรือเรา สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อแสวงหา ความจริง พระเจ้า และการรู้แจ้ง เข้าร่วมในวัฏจักรทางจิตวิญญาณและ ความเป็นนักบุญของเพื่อน ๆ วีแกน เราทุกคนต้อง ตัดสินใจเลือกตอนนี้ในตอนต่อไป เราจะแบ่งปันสิ่งที่เกิดขึ้น ในห้องพิจารณาคดีบนสวรรค์ ซึ่งจะกำหนด ชะตากรรมของโลกของเรา โดยมี ดร.มอริซ สคลาร์ เป็นพยานหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับคำทำนาย และการปฏิบัติศาสนกิจของ ดร.มอริส สคลาร์ โปรดไปที่ช่องยูทูบของเขา @SklarMinistries
